การบริหารดวงตา

ต่อจากโพสต์ที่แล้ว การบริหารดวงตา เพื่อความผ่อนคลาย การกระพริบตาถี่ๆ การบริหารดวงตาด้วยวิธีง่ายที่สุดคือ การกระพริบตาถี่ๆ โดยธรรมชาตินั้น เราจะกระพริบตา 1 ครั้ง ต่อทุกๆ 4 วินาทีอยู่แล้ว แต่ต่อไปนี้เมื่อใดก็ตามในระหว่างวันที่นึกขึ้นมาได้ ให้คุณกระพริบตาติดต่อกันไปเลย 10 ครั้ง แล้วคุณจะพบว่า การทำเช่นนั้น ช่วยให้อาการเมื่อยตาบรรทลงได้อย่างประลาด 2. หลับตา และบีบให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้คุณหลับตา และบีบให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประมาณ 1 วินาที แล้วคลายออก ใช้ปลายนิ้วก้อยนวดเบาๆ ตรงผิวบริเวณใต้ดวงตา เพื่อป้องกันไม่ให้มีริ้วรอยยับย่น เกิดขึ้นจากการทำเช่นน้น อย่ากดตรงดวงตาหรือโดยรอบขอบตาอย่งเด็ดขาด ทำเช่นนี้วันละ 3 ครั้ง 3. การกลอกลูกตาโดยไม่ขยับศรีษะ การกลอกลูกตาโดยไม่ขยับศรีษะ เป็นการบริหารที่ประสิทธิภาพยิ่ง ในการกระตุ้น กล้ามเนื้อให้ทำงานได้ดีขึ้น ให้คุณกลอกตาไปในทิศทางต่างๆ  หรือคุณอาจจะจินตการใช้สายตาของคุณวาดสีเหลี่ยมใหญ่ที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ 4. มือทั้งสองข้างปิดตาไว้ กระพริบตาถี่ๆ สักสองสามครั้ง แล้วจึงหลับตาลง ให้คุณท้าวศอกลงบนโต๊ะ เอามือทั้งสองข้างปิดตาไว้ กระพริบตาถี่ๆ สักสองสามครั้ง แล้วจึงหลับตาลง […]

admin

January 12, 2021

ดวงตาที่รัก

ดวงตา หน้าต่างของหัวใจ ดวงตา หน้าต่างของหัวใจ คุณจะต้องเคยได้ยินคำว่าดวงตา หน้าต่างของหัวใจ กันมาแล้ว คำว่า หัวใจ เป็นเพียงคำเปรียบเทียบถึงความรู้สึกนึกคิด ที่เรามีอยู่ในจิตใจของตนเอง ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอารมณ์ หรือความรู้สึกใด สิ่งทั้งหลายก็จะถ่ายทอดออกมาทางดวงตาของคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นไม่เพียงแต่ดวงตาจะเป็นอวัยวะสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับมนุษย์เราแล้ว ก็ยังมีความสำคัญในฐานะที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารอารมณ์ และความรู้สึกนึกคิดได้ อย่างชัดเจนอีกด้วย รอยตีนกา มากับความเครียด ดวงตา หน้าต่างของหัวใจ ผู้หญิงที่ล่วงเข้าสู่วัยสามสิบปีปลาย มักจะไม่พอใจกับหน้าตาของตน สิ่งที่น่ารำคาญที่สุด สำหรับผู้หญิงในวัยนี้ก็คือ ปลายหางตาที่เริ่มเป็นริ้วยับย่น ที่เรียกกันว่า “ตีนกา” ใครมีมากเท่าไหร่ ก็ถือว่าแก่มากเท่านั้น ซึ่งผู้หญิงในยุคสมัยนี้ไม่อาจยอมให้เป็นเช่นนั้นได้ แต่ก่อนที่คุณจะต้องเสียเงินซื้อยาฉีดราคาแพง เพื่อบังคับไม่ให้อิลัสติกของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นหย่อนยานลงเนื่องจากวันที่ล่วงไป คุณควรได้ศึกษาหลักอายุรเวทที่ช่วยให้คุณสามารถเรียกความสดใสของดวงจากับบริเวณโดยรอบกลับคืนมาให้ดีเสียก่อน ข้อแรกเลย คือ ต้องขจัดความเครียดของดวงตา ทั้งนี้เพราะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจะทำให้ดวงตาบวม มีสีแดงช้ำ ทั้งรอยตีนกาก็จะยิ่งถี่ยิบขึ้น คำถามมีอยู่ว่า อาการตึงเครียดของดวงตาจะสังเกตได้จากอะไร กระพริบตาช่วยได้ คำตอบคือ คำตอบคือ สังเกตได้จากความรู้สึกเมื่อยตาเช่นเวลาที่อ่านหนังสือนานๆ แล้วมีอาการตาพร่า เริ่มมองเห็นอักษรเป็นสองตัวซ้อนทับกันอยู่ เมื่อคุณพยายามจะกระพริบดาก็รู้สึกว่าหนังตาอยากจะขยับเท่าไหร่ แต่ถ้าได้กระพริบถึ่งขึ้นสักสองสามครั้งแล้วรู้สึกสบายขึ้นบ้าง นั่นแสดงว่าความเครียดหรืออาการตึงของกล้ามเนื้อรอบดวงตาเริ่มคลายตัวลงบ้างแล้ว แต่ก็เป็นแค่เล็กน้อยเท่านั้น […]

admin

January 6, 2021

การดูแลผิวประเภทเสมหะ

การดูแลผิว การดูแลผิวประเภทเสมหะ หรือคะฟา ผิวหนังของคนผิวประเภทเสมหะ จะมีลักษณะผิวที่มีความหนาและความมัน ถึงแม้ว่าผิวประเภทนี้จะมีทนทานต่อสภาพแวดล้อมสูง แต่ข้อเสียคือมีแนวโน้มที่จะสะสมสารพิษ(AMA) ใต้ผิวหนังได้ง่าย  ในทางอายุรเวทจึงแนะนำให้คนผิวประเภทนี้ ทำการดีท็อกเป็นประจำทั้งการดีท็อกซ์ภายในและการดีท็อกภายนอกเพื่อล้างสารพิษออกจากผิวหนัง การขัดผิวด้วยเกลือขัดผิวที่อ่อนโยนก็สามารถช่วยได้ สภาพผิวของคนประเภทนี้ อาจต้องใช้สูตรสมุนไพรเพื่อทำความสะอาดผิวจากภายใน คำแนะนำ การดูแลผิวของคนผิวแบบเสมหะ หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารทอด อาหาร มันมากเกินไปเพราะจะเพิ่มความมันให้กับผิว ออกกำลังกายทุกวันเพื่อให้ระบบไหลเวียนดีขึ้น การนวดน้ำมันอุ่นๆทุกวันยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดี  คนผิวประเภทนี้ ควรรับประทานผักและผลไม้ออร์แกนิกให้มากเพื่อช่วยทำความสะอาดร่างกายจากภายใน ทำความสะอาดผิวสองครั้งทุกวันเช้าเย็น และขัดผิวด้วยเกลือขัดผิวหรือ โคลนมาส์กอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศอุ่น ๆ เช่นขิงและพริกไทยดำเพื่อกระตุ้นไฟย่อยอาหารและยับยั้งการสะสมของสารพิษ(AMA) ภายในร่างกาย ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับการดูแลของผิวทั้งสามประเภท หวังว่าจะได้ประโยชน์ และแนวทางในการดูแลผิวนะครับ เรียบเรียงโดย กัมพล วิเชียรโหตุ ทีมพัฒนาและวิจัย Firste Thaiherb อ้างอิง: 1. https://www.mapi.com/ayurvedic-knowledge/skin-care/ayurvedic-skin-types.html

admin

November 30, 2020

การดูแลผิวประเภทปิตตะ

การดูแลผิว การดูแลผิว ปิตตะหรือคนที่ผิวแพ้ง่าย อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในบทความแรกว่า ปิตตะ เป็นผิวของคนที่มีธาตุไฟสูงกว่าคนทั่วไปดังนั้น จึงเป็นผิวที่มีโอกาสแพ้ได้ง่ายมาก ผิวประเภทของคน ปิตตะ จึงต้องการความเย็นจากธรรมชาติ โดยเฉพาะสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น เช่น แตงกวา ว่านหางจระเข้ สาหร่างทะเลน้ำลึก ควรหลีกเลี่ยงที่จะต้องเจอกับแสงแดดตรงๆเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเช่นพวกครีมกันแดดร่วมด้วยหากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกในตอนกลางวัน ผิวของคนประเภทนี้ไม่เหมาะกับการทำทรีทเม้นต์ที่อาจจะทำให้ผิวคุณแพ้ได้ง่าย เช่นการใช้สารเคมี การใช้เลเซอร์เป็นต้น  คำแนะนำ การดูแลผิวของคนผิวแบบปิตตะ หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางสังเคราะห์เคมี เพราะมันสามารถทำลายผิวบอบบางของคุณและทำให้เกิดสิวได้ ส่วนเรื่องอาหารก็สำคัญ คนผิวแบบปิตตะ มีความร้อนส่วนเกินค่อนข้างเยอะอยู่แล้วดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัดรสจัดและอาหารทอดมากเกินไป พวกเขาเพิ่มความร้อน หรือธาตไฟที่มีมากอยู่แล้ว กินผลไม้เยอะ ๆ และเน้นอาหารพวกออร์แกนิค สำหรับจิตใจร่างกายและอารมณ์ เน้นย้ำอีกที คุณต้องดูแลเป็นพิเศษเพื่อปกป้องผิวของคุณเมื่อต้องออกแดด ใช้ครีมกันแดดมีส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติ เรียบเรียงโดย กัมพล วิเชียรโหตุ ทีมพัฒนาและวิจัย Firste Thaiherb อ้างอิง: 1. https://www.mapi.com/ayurvedic-knowledge/skin-care/ayurvedic-skin-types.html

admin

November 30, 2020

การดูแลผิวประเภทวาตะ

การดูแลผิว การดูแลผิวแบบวาตะ หรือคนที่ผิวแห้งง่าย เพื่อให้ผิวของวาตะ คงความอ่อนเยาว์ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ได้แก่กลุ่มน้ำมันหอมระเหยหรือสมุนไพรบางชนิดซึ่งเน้นเรื่องบำรุงผิวและคืนความชุ่มชื้นได้เป็นหลัก ถ้าละเลยเรื่องความชุ่มชื้นแล้ว ผิวคนแบบวาตะจะมีโอกาสการเกิดริ้วรอยและริ้วรอยก่อนวัยได้สูงมากทีเดียว นอกจากเลือกผลิตภัณฑ์ที่มาดูแลผิวแล้ว วิถีชีวิตก็เป็นเรื่องสำคัญ คนผิวแบบวาตะ จำเป็นจะต้องเน้น การเข้านอนตรงเวลา กินอาหารตรงเวลา และกินอาหารที่ช่วยปรับสมดุลทางด้านวาตะ คำแนะนำ การดูแลผิวของคนผิวแบบวาตะ เพิ่มการบำรุงผิวโดยการกินนม ธัญพืชและผักใบเขียวเพิ่มขึ้นในมื้ออาหาร ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ ทุกวันเพื่อความชุ่มชื้นภายใน กินผลไม้ที่รสหวานแต่ไม่มาก จะช่วยทำความสะอาดร่างกายจากภายในและให้ความชุ่มชื้นด้วย การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อ่อนโยนและเป็นธรรมชาติเช่นครีมบำรุงผิว(Serum) เพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื้น เพิ่มการรองรับไขมันอย่างล้ำลึกด้วย พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้จิตใจและร่างกายของคุณมีโอกาสเติมพลัง ใช้น้ำสบู่เหลวสมุนไพร ที่อ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้นอย่างสมดุล ล้างหน้าด้วยน้ำหลาย ๆ ครั้ง เรียบเรียงโดย กัมพล วิเชียรโหตุ ทีมพัฒนาและวิจัย Firste Thaiherb อ้างอิง: 1. https://www.mapi.com/ayurvedic-knowledge/skin-care/ayurvedic-skin-types.html

admin

November 28, 2020

ผิวของคุณเป็นแบบไหนกันนะ!!!

ใครๆก็อยากดูแลผิวให้ดี แต่สิ่งแรกเลยที่ต้องรู้คือรู้จักผิวของคุณเสียก่อน ขั้นตอนแรกในการดูแลผิวแบบอายุรเวท คือการรู้จักประเภทผิวของคุณ ประเภทผิวในทางอายุรเวทก็แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ วาตะ(Vata), ปิตตะ(Pitta) และ เสมหะ(Kapha หรือ คะฟา) ซึ่งในทางแพทย์แผนไทย เป็นสมุฎฐานของการเกิดโรค(มีกล่าวไว้ในหลายคัมภีร์ เช่น คัมภีร์สมุฏฐานวินิจัย ) 3 สมุฏฐานนี้เป็นหลักในการอธิบายโรคต่างๆได้ แต่นี่เป็นบทความแรกผมจะยังไม่ลงลึกถึงรายละเอียด เอาเป็นว่ามัน  เป็นหลักการทางอายุรเวทละกัน โดยปกติแล้วชนิดของผิวแต่ละคนก็จะไม่เปลี่ยน จะเป็นสิ่งที่ติดตัวเราไป (ตามธาตุกำเนิด) แต่เป็นไปได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปประเภทผิวของคุณอาจเปลี่ยนไปเนื่องจากปัจจัยภายนอกเช่นสภาพอากาศอาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม “ความไม่สมดุล” ดังกล่าวควรนำมาพิจารณาในการเลือกนแนวทางในการดูแลผิวด้วย  อะ มาเริ่มกันเลย 3 ประเภทมีอะไรบ้าง แบบแรกเลย คือ วาตะ จะมีลักษณะ แห้ง บาง และถ้าเอามือไปสัมผัสจะรู้สึกว่าค่อนข้างเย็น ผิวประเภทนี้จะมีโอกาสขาดน้ำได้ง่าย และเสี่ยงต่ออิทธิพลของสภาพอากาศที่แห้งและมีลมแรง  แบบที่สอง คือ ปิตตะ ในองค์ประกอบของความเป็นปิตตะ จะมีธาตุไฟอยู่ด้วย ดังนั้น ผิวแบบ ปิตตะ จึงมีแนวโน้มที่จะมีสิวมากขึ้นความไวแสงความทนทานต่ออาหารร้อนน้อยลงและมีฤทธิ์ร้อนมากขึ้น ผิวของปิตตะ มักจะดูแดงก่ำและอบอุ่นเมื่อสัมผัส และ […]

admin

November 20, 2020